เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2568 นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) สั่งการให้คณะทำงานการขับเคลื่อน การตรวจสอบ การจัดการด้านมลพิษและสิ่งแวดล้อม (ฉก.มลพิษ) นำโดย พลตำรวจตรีสุวิชาญ ญาณกิตติกุล ประธานคณะทำงาน นายจำลอง ช่วยรอด รองประธานคณะทำงาน ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 6 หน่วยงาน ได้แก่ กรมควบคุมมลพิษ นำโดยนายธนัญชัย วรรณสุข รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กรมโรงงานอุตสาหกรรม กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดลพบุรี สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดลพบุรี และองค์การบริหารส่วนตำบลวังเพลิง ลงพื้นที่ตรวจสอบการประกอบกิจการโรงงาน จำนวน 3 แห่ง ในพื้นที่หมู่ที่ 3 ตำบลวังเพลิง อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี เนื่องจากได้รับเรื่องร้องเรียนปัญหากลิ่นเหม็นรบกวนจากชาวบ้าน โดยได้แบ่งกำลังเข้าตรวจพร้อมกัน ทั้ง 3 โรงงาน
โรงงานเป้าหมายแห่งแรกคือ “บริษัท ที สยาม เอเจนซี่ จำกัด” พบมีการติดตั้งเครื่องจักรในกระบวนการหลอมโลหะไม่ตรงตามที่ได้รับอนุญาต จึงเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดฐานตั้งโรงงานและประกอบกิจการโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 12 วรรคหนึ่งและวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 และอาจเป็นสาเหตุสำคัญของปัญหากลิ่นเหม็นรบกวนในพื้นที่ชาวบ้าน นอกจากนั้นยังพบการเก็บผงสีดำหลังกระบวนการหลอมบรรจุในถุงบิ๊กแบ็กประมาณ 1,245 ตัน ไว้ภายในอาคาร เจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมจึงได้ทำการอายัดเครื่องจักรในกระบวนการหลอมและกากอุตสาหกรรมที่ตรวจพบทั้งหมดไว้ ทั้งนี้ กรมโรงงานอุตสาหกรรมได้เก็บตัวอย่างของเสียไปตรวจวิเคราะห์ หากเข้าข่ายเป็นวัตถุอันตรายตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 จะมีความผิดฐานครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 23 วรรคหนึ่ง และกรมควบคุมมลพิษได้เก็บตัวอย่างดินปนเปื้อน น้ำมันดำ และฝุ่นจากเตาหลอมไปตรวจวิเคราะห์ เพื่อตรวจสอบการปนเปื้อนในพื้นที่ด้วย
สำหรับ “บริษัท เคดีดี เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด” และ “บริษัท ดี-เวสต์ ยูทิลิเซชั่น จำกัด”ทั้ง 2 แห่ง ไม่พบมีการประกอบกิจการขณะตรวจสอบ เนื่องจากอยู่ระหว่างการปฏิบัติตามมาตรา 39 วรรคหนึ่ง
แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 และอยู่ระหว่างจัดทำแผนการขนย้ายกากของเสียจากกระบวนการผลิตเข้ามาจัดเก็บภายในอาคาร ทั้งนี้ คณะผู้ตรวจสอบได้กำชับให้บริษัทฯ เร่งขนย้ายกากของเสียในกลุ่มอะลูมิเนียมดรอสที่มีการฝังกลบอย่างไม่ถูกต้องในพื้นที่รอยต่อของทั้ง 2 บริษัท มากกว่า 40,000 ตัน ออกไปกำจัดให้เป็นไปอย่างถูกต้องต่อไป โดยกรมควบคุมมลพิษได้สุ่มเจาะสำรวจพื้นที่ฝังกลบและตรวจวัด Soil Gas ด้วยเครื่องวัดค่าก๊าซในบรรยากาศแล้ว พบว่า พื้นที่ฝังกลบดังกล่าวเป็นแหล่งกำเนิดกลิ่นและไอระเหยสารเคมีที่อาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชุมชนโดยรอบได้
การเข้าตรวจสอบโรงงานอุตสาหกรรม ทั้ง 3 แห่ง คณะทำงาน ฉก.มลพิษ ได้กำชับให้โรงงานปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และหากผลการตรวจวิเคราะห์เข้าข่ายเป็นของเสียอันตรายหรือวัตถุอันตราย ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้มลพิษแพร่กระจายออกสู่สิ่งแวดล้อมและส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ ทั้งนี้ พนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานได้เดินทางไปลงบันทึกประจำวันเพื่อเป็นหลักฐานในการดำเนินคดี ณ สถานีตำรวจในท้องที่ด้วยแล้ว