วันที่ 3 มีนาคม 2566 ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) นางสาวศิวพร รังสิยานนท์ โฆษก ศกพ. แถลงข่าวแจ้งเตือนสถานการณ์ไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละอองในพื้นที่ภาคเหนือ มีความรุนแรง ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน จากข้อมูลการติดตามตรวจวัดคุณภาพอากาศของกรมควบคุมมลพิษ พบว่า ในภาพรวมของพื้นที่ภาคเหนือส่วนใหญ่คุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์มีผลกระทบต่อสุขภาพ ค่าเฉลี่ยของปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) สูงเกินค่ามาตรฐาน ทั้งนี้ ศกพ. คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละอองในพื้นที่ภาคเหนือ PM2.5 ยังมีแนวโน้มฝุ่นละอองสูงเกินมาตรฐาน ระหว่างวันที่ 4-10 มีนาคม 2566
ศกพ. ได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าว่าในปี 2566 สถานการณ์จะมีความรุนแรง เนื่องจากสภาพอุตุนิยมวิทยาที่ไม่เอื้อต่อการกระจายตัวของฝุ่นละออง รัฐบาลจึงได้เตรียมการรับมือตั้งแต่ปี 2565 โดยทุกหน่วยงานดำเนินการอย่างเข้มข้น บูรณาการทุกภาคส่วนในหลายมิติ ประกอบด้วย
นอกจากนี้ ยังใช้แนวทางในการจัดการพื้นที่ป่าจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม “3 เกาะติด 3 ปฏิบัติ” โดย เกาะติดที่ 1 คือ เกาะติดข้อมูลข่าวสาร เกาะติดที่ 2 คือ เกาะติดพื้นที่ และเกาะติดที่ 3 คือ เกาะติดประชาชน ส่วนการปฏิบัติ ได้แก่ ปฏิบัติที่ 1 คือ ปฏิบัติด้วยตนเองอย่างเต็มความสามารถ ปฏิบัติที่ 2 คือ ปฏิบัติร่วมกับหน่วยข้าราชการอื่น และปฏิบัติที่ 3 คือ ปฏิบัติร่วมกับภาคีเครือข่ายและประชาชน ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด อย่างไรก็ตามในการปฏิบัติจริง อาจพบปัญหาและอุปสรรค จึงต้องพลิกแพลงและปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานให้เหมาะสมอยู่เสมอ
ทส. ให้ความสำคัญกับปัญหา และยกระดับการปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส) ติดตามสถานการณ์ และสั่งการหน่วยงานภายใต้สังกัด ทั้งในส่วนกลางและในพื้นที่ให้ยกระดับการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง กำชับทุกหน่วยงานดำเนินการให้เข้มข้นกว่าที่ผ่านมา เพิ่มประสิทธิภาพการ
ดำเนินงานในพื้นที่ป่า ซึ่งอยู่ในกำกับดูแลของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (อส.) และกรมป่าไม้ (ปม.) ควบคุมพื้นที่เสี่ยง โดยการปิดพื้นที่อุทยานแห่งชาติ (ยกเว้นส่วนให้บริการ) และควบคุมการเข้าใช้ประโยชน์ในป่า เพิ่มความถี่ในการลาดตระเวนเพื่อเฝ้าระวังและดับไฟ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่อากาศยานไม่สามารถเข้าไปปฏิบัติการได้ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ ดำเนินงานใกล้ชิดประชาชน และบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด (ทสจ.) ประสานงานการดำเนินงานกับผู้ว่าราชการจังหวัดอย่างใกล้ชิด เพื่อรายงานสถานการณ์ และเสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหา และยังได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน (ส่วนหน้า ภาคเหนือ) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานร่วมกับจังหวัด
นอกจากนี้ ภาครัฐยังได้กำกับดูแลควบคุมการเผาอ้อย ประสานการจัดทำฝนหลวง และอยู่ระหว่างการเตรียมการจัดประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง ซึ่งเราได้ยกระดับมาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันอยู่ในระดับที่ 4 ซึ่งต้องพิจารณาโดยคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
แม้ว่าภาครัฐได้เฝ้าระวังสถานการณ์และยกระดับการดำเนินงานมาโดยตลอด แต่สถานการณ์ก็ยังมีความรุนแรง เนื่องจากยังมีผู้ฝ่าฝืนกฎหมายลักลอบจุดไฟเผาป่า ศกพ. จึงขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน ให้ร่วมเฝ้าระวังสถานการณ์ หากพบเห็นไฟในพื้นที่ใด ขอความร่วมมือแจ้งหน่วยงานในพื้นที่ สายด่วนพิทักษ์ป่า 1362 และสายด่วนนิรภัย 1784 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ที่คุณภาพอากาศมีผลกระทบต่อสุขภาพ (สีแดง) ขอให้ปฏิบัติตน ตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข ดังนี้ ประชาชนทั่วไปควรลดหรืองดการทำกิจกรรมหรือออกกำลังกายนอกอาคาร เปลี่ยนมาออกกำลังกายในอาคาร สวมหน้ากากป้องกันฝุ่นเมื่อออกนอกอาคารทุกครั้ง สำหรับกลุ่มเสี่ยงให้งดออกนอกอาคาร ผู้มีโรคประจำตัวควรเตรียมยาและอุปกรณ์ที่จำเป็นอย่างน้อย 5 วัน นอกจากนี้ ประชาชนควรเฝ้าระวังตนเองด้วยการประเมินอาการจากการรับสัมผัส PM2.5 พร้อมรับคำแนะนำในการดูแลสุขภาพเบื้องต้นได้ที่เว็บไซต์ “4HealthPM2.5” หรือ “คลินิกมลพิษออนไลน์” และหากมีอาการรุนแรง เช่น แน่นหน้าอก หายใจลำบาก เหนื่อยง่าย หายใจมีเสียงหวีด ให้รีบพบแพทย์ ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่ สายด่วนกรมอนามัย 1478 สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422”
ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลคุณภาพอากาศจากแอปพลิเคชัน และเว็บไซต์ Air4Thai และเฟซบุ๊กแฟนเพจ “ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.)