ตามที่มีการฟ้อง 3 หน่วยงานรัฐ-บอร์ด “ละเลยไม่ทำหน้าที่แก้วิกฤตมลพิษอากาศ PM2.5 ทำประชาชนเผชิญปัญหาสุขภาพ อายุขัยสั้น” นั้น ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) ซึ่งเป็นศูนย์ประสานงานกลางภายใต้รัฐบาลในการบูรณาการดำเนินงานการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองระหว่างทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ขอชี้แจงทำความเข้าใจ ดังนี้
การตรวจสอบตรวจวัดควันดำรถบรรทุกและรถโดยสารทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2564 – 23 มีนาคม 2565 ตรวจแล้ว 165,308 คัน พ่นห้ามใช้ 893 คัน โดยเป็นในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 63,997 คัน พ่นห้ามใช้ 190 คัน พร้อมกันนี้ได้ปรับปรุงค่ามาตรฐานควันดำ เพื่อเพิ่มความเข้มงวดและประสิทธิภาพการควบคุมมลพิษและแก้ปัญหา PM2.5 จากแหล่งกำเนิดมลพิษประเภทรถยนต์ โดยได้ออกประกาศเรื่องกำหนดมาตรฐานค่าควันดำของรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยการอัด พ.ศ. 2564 กำหนดค่าความทึบแสงไม่เกินร้อยละ 30 จากเดิมไม่เกินร้อยละ 45 และค่ากระดาษกรองไม่เกินร้อยละ 40 จากเดิมไม่เกิน ร้อยละ 50 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้วันที่ 13 เมษายนนี้
การแก้ไขปัญหาอ้อยไฟไหม้ โดยผลการดำเนินงานในปีการผลิต 2564/2565 ณ วันที่ 9 มีนาคม 2565 มีปริมาณอ้อยไฟไหม้เข้าหีบคิดเป็นร้อยละ 25 ซึ่งน้อยกว่าปีที่แล้วในช่วงเวลาเดียวกัน และมีเป้าหมายจะลดให้เหลือร้อยละ 0 ภายในฤดูกาลผลิต 2566/2567
การดำเนินโครงการ “ชิงเก็บ ลดเผา” ในปี 2564 สามารถดำเนินการเก็บขนเชื้อเพลิงในพื้นที่ป่ามาใช้ประโยชน์ได้ 2,800 ตัน จากเป้าหมาย 1,000 ตัน ครอบคลุมพื้นที่ 400,000 ไร่ ส่งผลให้จำนวนจุดความร้อนในพื้นที่ชิงเก็บลดลงร้อยละ 60 และในปี 2565 มีการดำเนินงานต่อเนื่อง โดยจากข้อมูล ณ ปัจจุบัน สามารถเก็บขนเชื้อเพลิงในพื้นที่ป่ามาใช้ประโยชน์ได้ 1,310 ตัน จากเป้าหมาย 3,000 ตัน และคาดว่าจะสามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จได้ตามเป้าหมาย
การแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดน ซึ่งได้มีการประสานผ่านสำนักเลขาธิการอาเซียนเพื่อขอความร่วมมือประเทศเพื่อนบ้าน อีกทั้งได้มีการเสนอให้พิจารณาขยายแผนการดำเนินงานภายใต้แผนปฏิบัติการเชียงราย 2017 (เพิ่มขึ้นอีก 5 ปี) และการกำหนดตัวชี้วัดร่วม ASEAN Joint KPI เพื่อลดจุดความร้อนในภูมิภาคอาเซียนร้อยละ 20 ภายในปี 2565
นอกจากการลดและควบคุมการระบายมลพิษจากแหล่งกำเนิดแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างปรับปรุงมาตรฐานฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน ในบรรยากาศอีกด้วย
พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2564 – 15 มีนาคม 2565 มีจำนวนวันที่ฝุ่นละออง PM2.5 เกินค่ามาตรฐาน 26 วัน ลดลงร้อยละ 61 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่มีจำนวนวันที่ฝุ่นละออง PM2.5 เกินมาตรฐาน 67 วัน ทั้งนี้หากพิจารณาเฉพาะวันที่มีปริมาณฝุ่นละอองอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ (สีแดง) พบว่าในช่วงวิกฤต ปี 2565 มีจำนวน 1 วัน ลดลงร้อยละ 86 จากปีที่ผ่านมา ซึ่งมีจำนวน 7 วัน
พื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัด ระหว่างวันที่ 1 มกราคม – 15 มีนาคม 2565 มีจำนวนวันที่ฝุ่นละออง PM2.5 เกินมาตรฐาน 38 วัน ลดลงร้อยละ 45 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี ที่ผ่านมา ที่มีจำนวนวันที่ฝุ่นละออง PM2.5 เกินมาตรฐาน 69 วัน ทั้งนี้หากพิจารณาเฉพาะวันที่มีปริมาณฝุ่นละอองอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ (สีแดง) พบว่าในปี 2565 มีจำนวน 8 วัน ลดลงร้อยละ 60 จากปีที่ผ่านมา ซึ่งมีจำนวน 20 วัน
ทุกๆ มาตรการภายใต้แผนขับเคลื่อนฯ ที่เป็นวาระแห่งชาติ มติคณะรัฐมนตรี ตลอดจนกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง สามารถดำเนินการได้ทันทีในทุกระดับ และทุกหน่วยงาน อย่างไม่มีข้อจำกัดที่เป็นปัญหาอุปสรรค แต่อย่างไรก็ตาม แหล่งกำเนิดฝุ่นละอองมาจากพวกเราทุกคน ดังนั้นการแก้ไขปัญหาต้องมาจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน