จากกรณีสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ กลับมาทวีความรุนแรง อันเนื่องมาจากไฟป่า การเผาในพื้นที่เกษตร การเผาในที่โล่งอื่นๆ และหมอกควันข้ามแดน โดยข้อมูลจาก GISTDA พบจุดความร้อนวันที่ 23 มีนาคม 2566 ในประเทศไทย จำนวน 2,278 จุด (อยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ 1,516 จุด) พบในเมียนมา 5,324 จุด และ ใน สปป. ลาว 6,679 จุด ประกอบกับสภาพทางอุตุนิยมวิทยาที่ไม่เอื้อต่อการระบายของฝุ่นละออง (สภาพอากาศนิ่งและเพดานการลอยตัวต่ำ) ส่งผลให้เกิดการสะสมของ PM2.5 โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.แม่สาย จังหวัดเชียงราย โดยข้อมูลจากสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศของกรมควบคุมมลพิษ บริเวณ ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย วันที่ 24 มีนาคม 2566 เวลา 14.00 น. พบ PM2.5 เฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีปริมาณ 326 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ขอเน้นย้ำว่ารัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และยกระดับการดำเนินงานในการป้องกันและแก้ไขปัญหามาอย่างต่อเนื่อง นอกจากการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” และแผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองปี 2566 และนโยบายการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ในพื้นที่ภาคเหนือ ปี 2566 ของรองนายกรัฐมนตรี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ แล้ว ยังได้มีการบูรณาการการทำงานในทุกระดับ ดังนี้
สำหรับหมอกควันข้ามแดน ประเทศไทยได้อาศัยการเจรจาในเวทีอาเซียนภายใต้ข้อตกลงอาเซียนว่าด้วยมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน สร้างความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิก และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการรายงานสภาพปัญหา ตามข้อกำหนดของข้อตกลงอาเซียนว่าด้วยมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน และได้รายงานสถานการณ์ปัญหาต่อสำนักเลขาธิการอาเซียน เป็นประจำทุกวัน เพื่อให้ประเทศสมาชิกเข้มงวดลดจุดความร้อน เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มีหนังสือขอความร่วมมือประเทศเพื่อนบ้านในการควบคุมไฟป่าและการเผาในที่โล่ง สำนักเลขาธิการอาเซียน จึงได้ยกระดับการแจ้งเตือนสถานการณ์หมอกควันข้ามแดนในอาเซียน เป็นระดับ 3 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด เมื่อวันที 2 มีนาคม 2566
ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ยังต้องอาศัยความร่วมมืออย่างยั่งยืน จากทุกภาคส่วน แม้ว่าภาครัฐได้เฝ้าระวังสถานการณ์และยกระดับการดำเนินงานโดยตลอด แต่สถานการณ์ก็ยังมีความรุนแรง เนื่องจากยังมีผู้ฝ่าฝืนกฎหมายลักลอบจุดไฟเผาป่า จึงขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน ให้ร่วมเฝ้าระวังสถานการณ์ หากพบเห็นไฟในพื้นที่ใด ขอความร่วมมือแจ้งหน่วยงานในพื้นที่ สายด่วนพิทักษ์ป่า 1362 และสายด่วนนิรภัย 1784 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ที่คุณภาพอากาศมีผลกระทบต่อสุขภาพ (สีแดง) ขอให้ปฏิบัติตน ตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข ดังนี้ ประชาชนทั่วไปควรลดหรืองดการทำกิจกรรมหรือออกกำลังกายนอกอาคาร เปลี่ยนมาออกกำลังกายในอาคาร สวมหน้ากากป้องกันฝุ่นเมื่อออกนอกอาคารทุกครั้ง สำหรับกลุ่มเสี่ยงให้งดออกนอกอาคาร ผู้มีโรคประจำตัวควรเตรียมยาและอุปกรณ์ที่จำเป็นอย่างน้อย 5 วัน นอกจากนี้ ประชาชนควรเฝ้าระวังตนเองด้วยการประเมินอาการจากการรับสัมผัส PM2.5 พร้อมรับคำแนะนำในการดูแลสุขภาพเบื้องต้นได้ที่เว็บไซต์ “4HealthPM2.5” หรือ “คลินิกมลพิษออนไลน์” และหากมีอาการรุนแรง เช่น แน่นหน้าอก หายใจลำบาก เหนื่อยง่าย หายใจมีเสียงหวีด ให้รีบพบแพทย์ ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่ สายด่วนกรมอนามัย 1478 สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422” และขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลคุณภาพอากาศจากแอปพลิเคชัน และเว็บไซต์ Air4Thai และเฟสบุคแฟนเพจ “ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.)