pcd.go.th
ขนาดอักษร |
เร่งฟื้นฟูการลักลอบทิ้งกากของเสียสารเคมี พื้นที่อำเภอภาชี

นายพิทยา ปราโมทย์วรพันธุ์ รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) และผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์สิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจากนายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดี คพ. ให้ลงพื้นที่ติดตามการฟื้นฟูการลักลอบทิ้งกากของเสียสารเคมี พื้นที่อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร่วมกับนายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม นายอำเภอภาชี กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เทศบาลตำบลภาชี กำนันตำบลภาชี มูลนิธิบูรณะนิเวศ และผู้แทนกลุ่มสิ่งแวดล้อม สภาอุตสาหกรรม

นายพิทยา กล่าวว่า พื้นที่เกิดเหตุเป็นโกดังเก่า มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 8 ไร่ มีโกดังจำนวน 5 อาคาร พบว่ามีการเก็บกากของเสียมีลักษณะเข้าข่ายเป็นของเสียอันตรายและของเสียเคมีวัตถุ ถูกจัดเก็บในถังพลาสติก ถังเหล็ก และถุงบิ๊กแบ็ค วางอยู่ใน Lugger Box ที่ใช้สำหรับบรรจุกากของเสียอุตสาหกรรม จำนวนไม่น้อยกว่า 50 คัน ปริมาณกากของเสียและสารเคมีอันตรายที่ถูกจัดเก็บอยู่ในโกดังและพื้นที่ด้านนอกโกดัง รวมทั้งหมดจำนวนไม่น้อยกว่า 4,000 ตัน และพบว่ามีถังเบาท์ (bulk) ขนาด 1 ลูกบาศก์เมตร กองเก็บไว้ในโกดังและพื้นที่โดยรอบจำนวนมาก พบรถบรรทุก จำนวน 2 คัน ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีกากของเสียบางส่วนได้ถูกขนย้ายออกไปบ้างแล้ว และพบว่าบริเวณด้านนอกโกดังมีการนำของเหลวที่มีสภาพเป็นกรดแก่ มีค่า PH น้อยกว่า 1 เทในบ่อปูน ขนาดประมาณ 27 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งเดิมเป็นหลุมวางตาชั่ง และในบ่อดินบริเวณด้านหน้าโกดัง อีกทั้งมีการนำวัสดุจำพวกสายไฟและดินมากลบทับเพื่ออำพลางบนพื้นที่ประมาณ 200 ตารางเมตร และมีการกองวัสดุต้องสงสัยในพื้นที่อื่นๆ โดยรอบโกดังอีกจำนวนหลายจุด

นายพิทยา กล่าวว่า ขณะนี้การดำเนินงานเรื่องดังกล่าว กรมโรงงานอุตสาหกรรม ได้ดำเนินการแจ้งความกับผู้ที่เกี่ยวข้องและได้ออกคำสั่งทางปกครองกับเจ้าของโกดังให้ดำเนินขนย้ายของเสียออกไปกำจัด และเจ้าของโกดังได้ส่งหลักฐานที่เชื่อมโยงกับบริษัท เอกอุทัย จำกัด ให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อประกอบการดำเนินคดีทางกฎหมาย โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรมจะเรียกเจ้าของโกดังเข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกครั้ง ชาวบ้านที่ได้รับความเสียหายจะยื่นฟ้องร้องทางคดีอาญาและคดีแพ่งกับเจ้าของหรือผู้ครอบครองของเสียอันตราย ในส่วนการดำเนินคดีกรณีนี้ อยู่ระหว่างการโอนคดีจากสถานีตำรวจภูธรภาชีไปที่ บก.ปทส. และคดีต่างๆที่เกี่ยวข้องกับกรณีนี้ที่เกิดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อยู่ที่ บก.ปทส. แล้ว และ อำเภอภาชี ได้กำหนดแนวทางการดำเนินงานระดับพื้นที่ โดยจะจัดตั้งคณะทำงานการแก้ไขปัญหาในอำเภอภาชีและอำเภออุทัย โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นประธาน และจะใช้กรณีของบริษัท แวกซ์ กาเบ็จ รีไซเคิล เซ็นเตอร์ จำกัด จังหวัดราชบุรี เป็นต้นแบบ

ด้านการจัดการการปนเปื้อน บริษัทเอกชนได้ที่ดำเนินการดูดสารเคมีที่มีสภาพเป็นกรดจากลำรางสาธารณะข้างถนน บ่อปูนและบ่อดินภายในพื้นที่โกดังเพื่อบรรจุถังขนาด 1,000 ลิตร และได้ขุดลอกตะกอนที่ปนเปื้อนสารเคมีมากองเก็บไว้ภายในอาคารโกดังโดยมีการปูผ้าใบรองรับกันการรั่วไหลอีกชั้นหนึ่ง และได้ปรับสภาพพื้นที่ต่างๆ ด้วยปูนขาว
ทั้งนี้ คพ. ได้มอบอุปกรณ์ดูดซับสารเคมีให้กับผู้แทนกลุ่มสิ่งแวดล้อม สภาอุตสาหกรรม เพื่อใช้ประโยชน์ในการปฏิบัติงานต่อไป นายพิทยา กล่าว

Skip to content