Q16:รัฐบาลมีมาตรการในภาพรวมอย่างไรเกี่ยวกับปัญหามลพิษทางอากาศในกรุงเทพมหานคร
A16: มาตรการในการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศในเขตกรุงเทพมหานครนั้น รัฐบาลได้ดำเนินการ ดังนี้1. การกำหนดมาตรฐานการระบายมลพิษจากยานพาหนะทั้งในขณะใช้งานและยานพาหนะใหม่2. การปรับปรุงคุณภาพเชื้อเพลิง กำหนดให้ใช้น้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่วทั้งประเทศ การลดปริม าณกำมะถัน3. การกำหนดมาตรการควบคุมไอระเหยน้ำมันเบนซินจากสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงและคลังน้ำมันเชื้อเพลิงที่ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ ซึ่งเป็นมาตรการหนึ่งในการควบคุมและลดปริมาณการระบายไอระเหยน้ำมันเบนซินที่เป็นสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่ายที่เป็นสาเหตุของการเกิดก๊าซโอโซนในบรรยากาศ4. มาตรการในการตรวจสภาพและตรวจจับยานพาหนะที่มีมลพิษเกินมาตรฐานโดยให้มีการตรวจสภาพยานพาหนะตามพระราชบัญญัติรถยนต์ ฯ โดยสถานตรวจสภาพรถเอกชนสำหรับรถยนต์ที่มีอายุเกิน 7 ปี ตรวจสภาพปีละ 2 ครั้ง อายุเกิน 7 ปี ตรวจสภาพปีละ 3 ครั้ง ในกรณียานพาหนะตามพระราชบัญญัติขนส่งทางบก ฯ กำหนดการตรวจสภาพรถยนต์ทุกปีสำหรับรถราชการก็ได้ควบคุมให้ได้รับการดูแลอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดมลพิษ และมีการตรวจวัดควันดำอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง หากพบรถควันดำเกินมาตรฐานก็จะมีการติดตามให้นำรถไปปรับปรุงแก้ไขไม่ให้เป็นแหล่งก่อมลพิษอีก และยังได้มีการตรวจจับยานพาหนะที่มีมลพิษเกินมาตรฐานริมเส้นทางจราจร โดยดำเนินงานร่วมกันระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมการขนส่งทางบก กรุงเทพมหานคร และกรมควบคุมมลพิษ รวมทั้งจัดตั้งศูนย์ตรวจวัดและบริการปรับแต่งเครื่องยนต์ไว้บริการประชาชน พร้อมทั้งบริการให้คำแนะนำการดูแลรักษารถ เพื่อลดมลพิษในกรุงเทพมหานคร จำนวน 5 แห่ง นอกจากนั้น กระทรวงพลังงานยังได้ร่วมกับบริษัทการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย และกลุ่มบริษัทรถยนต์จัดตั้งศูนย์บริการตรวจเช็คสภาพเครื่องยนต์ฟรี ระหว่างวันที่ 15 กุมภาพันธ์ – 14 พฤษภาคม 2546 ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพมหานครตลอดจนได้ประชุมหารือแนวทางในการควบคุมรถโดยสารประจำทางควันดำ โดยเฉพาะรถร่วมบริการเอกชน และได้ประสานขอความร่วมมือองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพปลดระวาง จำหน่ายให้เอกชนนำมาทำเป็นรถร่วมบริการอีกและเพิ่มเงื่อนไขสัญญาสัมปทานการเดินรถของเอกชนเพื่อส่งเสริมการลดมลพิษด้วย5. มาตรการในการแก้ไขปัญหามลพิษจากรถโดยสารประจำทางในกรุงเทพมหานครได้มีการดำเนินมาตรการอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การตรวจจับรถโดยสารที่มีการระบายมลพิษเกินมาตรฐาน การให้บริการตรวจวัดมลพิษทางอากาศและเสียงของรถโดยสารขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพที่จะจัดซื้อใหม่ตั้งแต่ปี 2540 ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน EURO II การสนับสนุนการใช้เชื้อเพลิงสะอาด เช่น ก๊าซธรรมชาติ เป็นต้น
6. กำหนดแผนการทดลองการใช้ก๊าซธรรมชาติในรถถังขยะของกรุงเทพมหานคร จำนวน 60 คัน (ตามมติคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบให้รถราชการใช้ก๊าซธรรมชาติ)
7. จัดโครงการขบวนรถสีเขียว เพื่อลดการใช้ยานพาหนะและการใช้ยานพาหนะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตลอดจนการสนับสนุนการใช้ระบบขนส่งมวลชนและการจัดทำคู่มือการจัดหายานพาหนะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
8. การปรับปรุงสถานที่หรือก่อให้เกิดมลพิษ
1) ปรับปรุงไหล่ถนน เพื่อลดปริมาณฝุ่นจากถนนอย่างต่อเนื่อง
2) เข้มงวดผ้าใบคลุมตึก เพื่อลดปริมาณฝุ่นจากการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง
3) เพิ่มพื้นที่สีเขียวและการปลูกไม้พุ่มริมทางเท้า เพื่อลดผลกระทบจากฝุ่นโดยได้กำหนดให้ถนนดินสอ เขตพระนคร ช่วงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถึงวัดสุทัศน์เทพวนารามเป็นตัวอย่างถนนแคบ (ความกว้างประมาณ 7 เมตร) ซึ่งมีอาคารพาณิชย์ทั้งสองฝั่งถนนและประชาชนสัญจรเป็นจำนวนมากโดยการปลูกไม้พุ่มริมทางเท้าฝั่งติดกับถนน เป็นกำแพงดูดซับมลพิษและให้มีการล้างถนนอย่างสม่ำเสมอเพื่อลดฝุ่นบนถนน
4) กวาดล้างถนน โดยเฉพาะถนนที่มีมลพิษสูง สะพานลอยโดยเฉพาะบริเวณทางแยก
5) การควบคุมรถบรรทุกให้ต้องมีผ้าใบคลุมวัสดุที่บรรทุกและล้างล้อรถด้วย
9. การเฝ้าระวังคุณภาพอากาศ
1) เฝ้าระวังคุณภาพอากาศของกรุงเทพมหานครโดยมีสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ จำนวน 1 สถานี และรถวัดคุณภาพอากาศ จำนวน 1 คัน และสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศของกรมควบคุมมลพิษ จำนวน 17 สถานี ตลอดจนการรายงานข้อมูลคุณภาพอากาศให้ประชาชนทราบเป็นระยะ
2) ปรับปรุงระบบการจัดการคุณภาพอากาศ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ตลอดจนการเสริมสร้างศักยภาพของบุคลากรเกี่ยวกับการจัดการคุณภาพอากาศ โดยดำเนินโครงการร่วมมือกับเมืองต่างๆ ในเอเชียและยุโรป ได้แก่ โครงการปรับปรุงและสนับสนุนแนวทางการจัดการคุณภาพอากาศในเขตเมือง และโครงการอากาศสะอาดในเอเชีย (CAI-Asia) เป็นต้น
3) จากการเฝ้าระวังคุณภาพอากาศของกรมควบคุมมลพิษปี พ.ศ.2545 บริเวณสี่แยกปากซอยอ่อนนุช ถนนสุขุมวิท มีปริมาณมลพิษสูงสุด โดยเฉพาะฝุ่นขนาดเล็ก (PM-10)ตรวจวัดได้ 300 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (มาตรฐานฝุ่นขนาดเล็ก (PM-10) ไม่เกิน 120 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร
4) การดำเนินการมาตรการที่ผ่านมา ทำให้คุณภาพอากาศโดยรวมดีขึ้น โดยจากการตรวจวัดคุณภาพอากาศของกรมควบคุมมลพิษ ฝุ่นขนาดเล็ก (PM-10) เฉลี่ยรายปี 2544 มีค่า 67.90 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ในขณะที่ปี 2545 ฝุ่นขนาดเล็ก (PM-10) ลดลง โดยมีค่าเฉลี่ยรายปี 5708 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (มาตรฐานฝุ่นขนาดเล็กเฉลี่ยรายปีไม่เกิน 50 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร อย่างไรก็ตาม ฝุ่นขนาดเล็ก(PM-10) โดยเฉพาะริมเส้นทางจราจรบนถนนบางสายฝุ่นขนาดเล็กยังคงเกินมาตรฐาน
10.การประชาสัมพันธ์เพื่อแก้ไขมลภาวะทางอากาศในเขตกรุงเทพมหานคร
1) ประชาสัมพันธ์การบำรุงรักษาเพื่อลดมลพิษในบริเวณจุดตรวจจับรถควันดำ
2) ขอความร่วมมือประชาชนหลีกดลี่ยงถนนที่มีมลพิษสูงอย่างต่อเนื่อง และประสานองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ เพื่อพิจารณากำหนดรถโดยสารประจำทางปลอดมลพิษวิ่งบนถนนในเขตพื่นที่ชั้นในซึ่งมีมลพิษสูง
3) ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบถึงมลพิษทางอากาศและวิธีการป้องกันการเกิดมลพิษตลอดจนการส่งเสริมการใช้ยานพาหนะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมผ่านสื่อต่าง ๆ ได้แก่ แผ่นพับ วิดีโอ สปอตเกี่ยวกับมลพิษทางอากาศ เป็นต้น
4) ประชาสัมพันธ์การบำรุงรักษารถ เพื่อลดมลพิษ ตลอดจนการสนับสนุนการใช้รถจักรยานยนต์ 4 จังหวะ ครอบคลุม 50 พื้นที่เขต โดยได้มีการจัดคลีนิกรถจักรยานยนต์ ปี พ.ศ. 2543 – 2544 จำนวน 4 ครั้ง มีประชาชนนำรถเข้ารับบริการปรับแต่งเครื่องยนต์ จำนวน 5,113 คัน
นอกจากนั้น ปัจจุบันรัฐบาลอยู่ระหว่างการจัดทำโครงการปรับแต่งและซ่อมบำรุงรถโดยสารประจำทางโดยให้ผู้ประกอบการ มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหามลพิษจากรถโดยสารทั้งการฝึกอบรมให้ความรู้แก่ช่างเทคนิคประอู่ซ่อมรถโดยสาร และการฝึกอบรมพนักงานขับรถให้ขับขี่รถโดยสารอย่างถูกต้อง
แนวทางในการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศในกรุงเทพมหานครดังกล่าว ต้องมีการดำเนินการต่อไปอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการควบคุมและลดปริมาณและการระบายมลพิษจากแหล่งกำเนิดต่าง ๆ ที่มีผลต่อการเพิ่มฝุ่นละอองและการเกิดก๊าซโอโซน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำแผนการจัดการมลพิษทางอากาศและเสียง ซึ่งจะเป็นแผนบูรณาการระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำให้เกิดมีการดำเนินการอย่างเป็นระบบและสอดคล้องกับมาตรการในการแก้ไขปัยหาอย่างถูกวิธีทั้งในระยะ 5 ปีข้างหน้าตลอดจนแผนการจัดการระยะต่อไป |